วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

สรุปบทความ

“STEM” คืออะไร

ผศ.ดร.ชลาธิป  สมาหิโต  ได้ให้คำจำกัดความของ STEM ไว้ว่า  เป็นการจัดการศึกาแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยี   วิศวกรรมศาสตร์  และคณิตศาสตร์  โดยนำลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละวิชามาผสมผสานปละจัดเป็นการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน  ซึ่งชื่อของ “STEM” เกิดจากการย่อชื่ออักษรตัวแรกของ  4  สาระวิชาเข้าด้วยกันคือ
                1.Science หมายถึง  วิทยาศาสตร์
                2.Technology  หมายถึง  เทคโนโลยี
                3.Engineering  หมายถึง  วิศวกรรมศาสตร์
                4.Mathematic  หมายถึง  คณิตศาสตร์

                สรุปแล้ว STEM กำเนิดขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาศักยภาพทั้ง 4 ด้านของเด็กให้มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การพัฒนาความรู้ในระดับสูงขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกันในสังคมเศรษฐกิจของประเทศและเป็นการต่อยอดโอกาสในการเรียนรู้ หรือการทำงานของประชากรในอนาคตต่อไป

                ดังนั้นการบูรณาการเรื่อง STEM  สู่การเรียนการสอนของเด็กปฐมวัยจึงไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่ครูจัดกิจกรรมหรือสร้างสถานการณ์ต่างๆแล้วกำหนดปัญหาขึ้นมาให้เด็กได้ฝึกฝนการแก้ปัหา  เป็นการกระตุ้นให้เด็กได้คิด  ได้แสดงความสามารถที่หลากหลาย  หากผลการทลองหรือการแก้ปัญหาที่เด็กค้นพบนั้นยังไม่ถูกต้องตามที่ครูกำหนดไว้ ครูควรให้เด็กได้ทดลองหรือปฏิบัติซ้ำเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้อง โดยครั้งนี้ครูอาแนะนำหาความรู้เพิ่มเติมให้แก่แก่เด็ก เพื่อช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น  นอกจากนี้ครูยังสามารถนำ STEM มายูรณาการกับทักษะในด้านอื่นๆ ได้อีก เช่น การจัดการศึกษาแบบ STEM Education ที่มีการนำ STEM มาบูรณาการกับทั้กษะทางศิลปะ  เพื่อจะทำให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการในการออกแบบชิ้นงานนั้นๆให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

                ด้วยเหตุนี้ “STEM Education”  จึงเป็นการศึกษาที่เหมาะกับการเรียนการสอนของเด็กยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ด้วยเนื้อหาที่มีความแปลกใหม่ และเป็นการบูรณาการสาขาวิชาแนงต่างๆเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกที่ “STEM Education” จะเป็นการศึกากระแสใหม่ที่กำลังมาแรงของวงการการศึกษาในบ้านเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น